วันพฤหัสดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 09.30 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ และที่ปรึกษาฯ เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นวันที่ 2 โดยมี นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 นายวรวุฒิ เนียมน้อย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก นายจิรเดช อุปแสน ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้าง สำนักงานชลประทานที่ 3 นางสาวจันทร์จิรา อักษรณรงค์ ผู้อำนวยการส่วนติดตามและเมินผล กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการประตูระบายน้ำบ้านป่าซ่านพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านพร้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
ในการนี้ นายจิรเดช อุปแสน ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้าง สำนักงานชลประทานที่ 3 ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการประตูระบายน้ำบ้านป่าซ่านพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยโครงการดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการประตูระบายน้ำบ้านป่าซ่านพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านพร้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553 ตามที่ นายสุชาติ พิมเสนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพร้าว หมู่ที่ 3 บ้านป่าซ่าน ตำบลบ้านพร้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ขอพระราชทานแหล่งน้ำช่วยเหลือราษฎร ซึ่งขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตรในฤดูแล้ง เนื่องจากไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำ ทำให้ราษฎรในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ ปัญหาการแย่งชิงน้ำ ปัญหาการว่างงาน และประสบปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2565 แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ประกอบด้วยกิจกรรม ท่อระบายน้ำ จำนวน 4 แห่ง ท่อลอดถนน จำนวน 3 แห่ง คลองส่งน้ำ ความยาว 519.00 เมตร และขุดลอกคลองส่งน้ำ ความยาว 2,162.90 เมตร และในระยะที่ 2 ได้ก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารระบายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก สามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่การเกษตร ในช่วงฤดูฝน 3,021 ไร่ และฤดูแล้ง 1,644 ไร่ และเพื่อการอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎรตำบลบ้านพร้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก รวมประชากร 1,296 คน 430 ครัวเรือน ปัจจุบันกรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำแบบเกษตรกรมีส่วนร่วม โดยร่วมกันให้ข้อคิดเห็น ร่วมวางแผนและติดตามการบริหารจัดการชลประทาน และได้ร่วมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มผู้ใช้น้ำพื้นฐาน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ภายใต้ชื่อ “กลุ่มผู้ใช้น้ำประตูระบายน้ำป่าซ่านและอาคารประกอบ“ มีสมาชิกจำนวน 155 คน ทั้งนี้เพื่อให้มีการจัดสรรน้ำให้สมาชิกอย่างทั่วถึง และเพียงพอต่อพื้นที่เพาะปลูกทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง
ต่อมาช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ในการนี้ ได้บรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของโครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน โดยเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดเขื่อนนเรศวร ณ ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ได้พระราชทานพระราชดำริ ความว่า "...ควรพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำแควน้อยในเขตอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก โดยเร่งด่วน เขื่อนเก็บกักน้ำแควน้อยนี้ ควรพิจารณาวางโครงการให้กักเก็บน้ำไว้อย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง และจัดหาน้ำสนับสนุนโครงการชลประทานพิษณุโลก และโครงการเจ้าพระยาใหญ่ ให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์ต่อไป..." ซึ่งโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2551 มีลักษณะโครงการเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เขื่อนปิดช่องเขาต่ำ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนสันตะเคียน มีความยาวรวมทั้งสิ้น 2,591 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 939 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีเขื่อนทดน้ำพญาแมนทำหน้าที่ทดน้ำเข้าคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย และคลองส่งน้ำฝั่งขวา ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูก 155,166 ไร่ ในเขตอำเภอวัดโบสถ์ และอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก นั้น ไม่เพียงแต่ส่งน้ำให้แก่พื้รที่เพาะปลูก ยังสามารถบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่อำเภอวัดโบสถ์ และอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ประมาณ 75,000 ไร่ เป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค และกิจการประปา 8 แห่ง 4,350 ครัวเรือน ในเขตอำเภอวัดโบสถ์ และอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และช่วยเสริมระบบชลประทานในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน ประมาณ 250,000 ไร่ เป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำและเป็นแหล่งประกอบอาชีพด้านประมง พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก เผยแพร่เรียนรู้โครงการชลประทานตามแนวพระราชดำริ อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อีกด้วย