



น้ำเหนือเริ่มมาก ชป.คุมเข้มน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน
ฝนที่ตกหนักทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลหลากลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทาน คุมเข้มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลบ.ม./วินาที) พร้อมเตือนประชาชนริมสองฝั่งด้านท้ายแม่น้ำน้อยในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เตรียมรับมือน้ำเพิ่มสูงขึ้น
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เนื่องจากพื้นที่ตอนบนของประเทศมีปริมาณฝนที่ตกหนัก และฝนที่ตกสะสมมากขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้(3 ก.ย. 62) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 1,141 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 601 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงประมาณ 700 – 900 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ได้แก่ บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.50 – 1.00 เมตร ปริมาณน้ำดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
กรมชลประทาน จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ 700 - 900 ลบ.ม./วินาที และจะบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ทั้งนี้ หากมีปริมาณน้ำเหนือไหลหลากจากทางตอนบนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 900 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน จะได้แจ้งให้ทุกฝ่ายทราบในระยะต่อไป