วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 09.30 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และคณะอนุกรรมการฯ พร้อมด้วยที่ปรึกษาฯ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) นายนรเศรษฐ สองทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 นายสมสวัสดิ์ ฉายสินสอน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรี นายสุชาติ กาญจนวิลัย ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี นายมีชัย ปฏิยุทธ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแก่งกระจาน นางสาวจันทร์จิรา อักษรณรงค์ ผู้อำนวยการส่วนติดตามและประเมินผลกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี
โดยนายมีชัย ปฏิยุทธ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแก่งกระจาน ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2523 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์โดยเร่งด่วน เพื่อจัดหาน้ำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ริมห้วยประจันต์ ให้มีน้ำใช้เพาะปลูกและอุปโภคบริโภคได้ตลอดปี โดยอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 บ้านจะโปรง ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ประเภทเขื่อนดิน ปิดกั้นลำห้วยแม่ประจันต์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2539 ความยาวของสันเขื่อน 2,105.00 เมตร ความกว้างของสันเขื่อน 8.00 เมตร ความสูง 21.60 เมตร ความจุปริมาณน้ำที่ระดับกักเก็บ 42.20 ล้านลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2549 สามารถส่งน้ำให้แก่ราษฎรอำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี 32 หมู่บ้าน จำนวน 2,000 ครัวเรือน 8,000 ราย และพื้นที่รับประโยชน์ 35,000 ไร่
อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีปริมาณน้ำท่าที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเฉลี่ย 74.30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าความจะดับที่เก็บกัก จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำส่วนเกินออกจากอ่างเก็บน้ำ ซึ่งหากไม่ระบายน้ำก่อนเข้าสู่ฤดูฝน น้ำส่วนที่เกินนี้จะล้นจากอ่างเก็บน้ำทำความเสียหายต่อผู้อยู่อาศัยด้านท้ายน้ำ จึงต้องหาแนวทางเก็บกักน้ำส่วนเกินนี้ไว้ภายในอ่างเก็บน้ำเพื่อให้สามารถบริหารน้ำต้นทุนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากสภาพปัญหาดังกล่าว กรมชลประทานวางแผนในขุดลอกอ่างฯ ให้เพิ่มความจุของอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ฯ ได้ 6.89 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมความจุเดิมแล้วเป็น 49.09 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนในกิจกรรมการเกษตร อุปโภคบริโภค และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทาอุทกภัย และบรรเทาภัยจากน้ำในพื้นที่ท้ายอ่างห้วยแม่ประจันต์