วันนี้ (22 กันยายน 2568) นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา นายเลอบุญ อุดมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา) นายธวัชชัย ไตรวารี ผู้อำนวยการส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมี นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และผู้ทรงคุณวุฒิ ผ่านระบบออนไลน์
จากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาและ สสน. ประเมินสถานการณ์ฝนว่า พายุไต้ฝุ่น “รากาซา (RAGASA)” มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ ก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน อิทธิพลของพายุจะเสริมให้ร่องมรสุมและลมมรสุมกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ช่วงวันที่ 22 กันยายน - 1 ตุลาคม 2568 ไทยตอนบนอาจมีฝนตกหนักมากขึ้น

ปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำที่อัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราการระบายดังกล่าว โดยไม่ปรับเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งให้ กฟผ. ทยอยปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล จ.ตาก จากวันละ 10 ล้าน ลบ.ม. เหลือวันละ 5 ล้าน ลบ.ม. (ขณะนี้มีน้ำกักเก็บ 10,698 ล้าน ลบ.ม. หรือ 79%) และเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ จากวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. เหลือวันละ 10 ล้าน ลบ.ม. (มีน้ำกักเก็บ 8,386 ล้าน ลบ.ม. หรือ 88%) แบบขั้นบันไดไม่ให้เกิดผลกระทบกับตลิ่งด้านท้ายน้ำ ช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในลำดับต่อไป และคงอัตราการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน

ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีน้ำกักเก็บ 774 ล้าน ลบ.ม. (77%) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ที่ประชุมเห็นควรปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 500 ลบ.ม./วินาที เป็น 650 ลบ.ม./วินาที โดยทยอยปรับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำของจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา

เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีน้ำกักเก็บ 1,807 ล้าน ลบ.ม. (74%) และคาดว่าจะมีน้ำไหลเข้าเพิ่มขึ้น คณะกรรมการลุ่มน้ำชีจึงมีมติให้ กฟผ. ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมไม่เกินวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. เป็นไม่เกินวันละ 35 ล้าน ลบ.ม. โดยต้องไม่กระทบพื้นที่ท้ายน้ำ ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานในพื้นที่ลุ่มน้ำชีจะร่วมมือกันลำเลียงน้ำลงสู่ จ.อุบลราชธานี จากนั้นเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง
กรมชลประทานยังคงเดินหน้าสูบน้ำและระบายน้ำต่อเนื่อง ทั้งการผลักดันน้ำจากพื้นที่ลุ่มต่ำเร่งระบายลงสู่แม่น้ำโขง หรือระบายออกสู่อ่าวไทย พร้อมกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด