



วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2568) ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อพบปะประชาชน รับฟังปัญหาเกษตรกรในพื้นที่ และมอบนโยบายในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีรัฐมนตรีหลายกระทรวงร่วมคณะ ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกรมชลประทาน ได้แก่ นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน นายสุพัฒน์ ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 นายสิริพล รักษนาเวศ ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง นายทวีวัฒน์ สืบสุขมั่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา นายสิทธิพร พฤฒิพิบูลธรรม เลขานุการกรม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ ณ สนามกีฬามหาราช เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
กรมชลประทานได้รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยภาพรวมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและลำน้ำทั้ง 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำปัตตานี ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำบางนรา และลุ่มน้ำโก-ลก ยังอยู่ในระดับปกติ สำหรับการรับมือฤดูฝนภาคใต้ สำนักงานชลประทานที่ 17 ได้ดำเนินงานตามมาตรการรับมือฤดูฝน 9 มาตรการอย่างเข้มงวด พร้อมกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมซ้ำซาก 14 แห่ง และเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือจำนวน 140 หน่วย โดยมีแผนติดตั้งรวม 29 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งแล้ว 10 แห่ง ทั้งยังได้ตรวจสอบความมั่นคงของอาคารชลประทานทุกแห่งให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมถึงเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและขุดลอกคูคลอง เพื่อให้ระบบระบายน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ยังได้รายงานความก้าวหน้าโครงการปรับปรุงพนังกั้นน้ำแม่น้ำโก-ลก ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในการป้องกันมวลน้ำในช่วงน้ำหลาก เพื่อไม่ให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ช่วยลดความเสี่ยงความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้
ด้านรองนายกฯ ธรรมนัส ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่ ในรูปแบบ "นราธิวาสโมเดล" บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด พร้อมเน้นย้ำในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ให้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง พร้อมขับเคลื่อนการทำงานในทุกมิติ ทั้งด้านการเกษตร ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว รวมถึงการยกระดับอาหารฮาลาลให้มีมาตรฐาน เพื่อสร้างตลาดและรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้มีความมั่นคงและยั่งยืน
